26 ธันวาคม 2557

ที่ที่เรียกว่าบ้าน

ได้อ่านประโยคนึงในโซเชียล สักแห่ง เขียนประมาณว่า...

อิจฉาคนต่างจังหวัดจัง เวลาเทศกาลก็ได้กลับบ้าน
คำว่าบ้าน ของเขาคงมีความหมายกับพวกเขามาก

พออ่านจบ ก็ให้ความรู้สึกของคนบ้านอยู่กรุงเทพใช่ไหมคะ
เวลาเห็นคนต่างจังหวัด เดินทางกลับภูมิลำเนา

ในความหมายคำว่าบ้านของหลายๆคน
ย่อมมีความหมายแตกต่างกันออกไป
แต่ที่คล้ายๆกัน น่าจะเป็น
ที่ที่อยู่ แล้วสบายใจ  มีความสุข เวลาได้ "กลับบ้าน"
เพราะ "บ้าน" คือพื้นที่ของเรา พื้นที่ของครอบครัว
ที่จะได้ใช้เวลา พบปะ พูดคุยกัน ^______^

ส่วนตัวคนเขียนเอง เรียกตัวเองว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด
คำว่าบ้าน คือ บ้านที่เกิด มีพ่อกับแม่รออยู่
ซึ่งแน่นอน ทุกๆครั้งที่ลูกกลับบ้าน
มันมีความหมายสำหรับคนที่อยู่บ้านเสมอ
พ่อแม่เองไม่ได้เรียกให้กลับบ้านทุกเทศกาลแต่อย่างใด
แต่ทุกครั้งที่ลูกบอกว่าจะกลับบ้านวันไหน เค้าจะตั้งตารอ ^^

คนต่างจังหวัดก็แอบอิจฉาคนกรุงเทพนะคะ
มี"บ้าน"ให้กลับทุกวัน  เจอพ่อกับแม่ เจอครอบครัวทุกวัน
แต่จังหวะชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ทำให้คนเราต้องย้ายที่อยู่กันอย่างในทุกวันนี้
เรียนหนังสือบ้าง  ทำงานบ้าง

แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน
คำว่า "บ้าน" เราว่าก็มีความหมาย มีค่าเสมอนะสำหรับมนุษย์
เป็นพื้นที่ของเรา ที่จะเริ่มต้นและเอาไว้เติมพลังชีวิต

ปีใหม่นี้  เดินทางปลอดภัย ให้ถึง "บ้าน" นะคะ ^^



21 ธันวาคม 2557

หนัง พา ไป เจอ "พี่ ยอด พี่ บอล"

วันที่ 21 ธ.ค. มีโอกาสไปพบ พี่บอลพี่ยอด ในกิจกรรม "คุยกันเอง... กับหนังพาไป"
เชื่อว่าแฟนรายการ แฟนๆพี่เขาสองคน คงติดตามกันอยู่ไม่น้อย
ไอ่เราหรือ ก็ไม่อาจถือตัวเป็นแฟนคลับ เพราะว่ายังติดตามไม่ค่อยเยอะเลย
แต่ความชื่นชอบ ชื่นชมในตัวพี่ยอดพี่บอล คงไม่น้อยหน้าไปกว่าทุกคนนะคะ อิอิ ^^
โพส blog นี้เลยตั้งใจเก็บภาพบรรยากาศ มาเล่าสู่กันฟัง บอกเล่าความรู้สึกปะปนกันไป
เท่าที่พอจะจำได้ มาฝากทุกคนนะคะ

เล่าเลยดีกว่าเนาะ ^^
เรามาถึงงานตอนประมาณเที่ยงนิดๆ
คนมาถึงกันแล้วบางส่วน
มาถึงก็ลงทะเบียน รับเสื้อ ^^
มีเล่นเกม กิจกรรมจากทางสถานีอยู่ที่หน้างานค่ะ ระหว่างรอเวลา


ภายในงานมีอาหารว่างรับรอง จาก รายการ foodwork  (เรากินไม่ครบอ่ะมัวแต่ถ่ายรูป ฮา)
บรรยากาศระหว่างรอเข้าไปในห้อง มีทั้งเล่นเกม เขียนความรู้สึก ถ่ายรูปเฮฮากันไป
มีอุปกรณ์ สแตนดี้พี่บอล พี่ยอด มาให้ถ่ายรูปกัน
รูปที่หน้างาน
บริเวณรวมพล มุมอาหารว่าง

ถ่ายตัวเองมาเยอะนะลงรูปเดียว เขิน  ^^
ป้ายตรงโต๊ะลงทะเบียน เก๋ดี

คุณผู้อ่านคงรู้สึก เมื่อไรจะเข้างานซะที ฮ่าๆ
นัดหมายเริ่มงานประมาณบ่ายสองโมงค่ะ
ในห้องประชุม Convention Hall ชั้น 2
คือทุกคนรอพร้อมแล้วแหละน่า ^^

จุดนี้เป็นข้าวของที่เกี่ยวข้องกับหนังพาไป
พี่สองคนเค้าจัดมาให้ได้ดูกัน
กล้องเอย กระเป๋าเอย และรองเท้าที่เก็บได้จากญี่ปุ่น (เอ ข้อมูลถูกเนาะ?^^)
รวมถึงรางวัล สุดสัปดาห์ อวอร์ด ด้วยจ้า


อีกโต๊ะเป็นของที่จะประมูลในงาน เพื่อนำเงินไปทำบุญร่วมกัน


การ์ตูนน่ารักดี ลืมแกะกลับบ้านแฮะ ฮ่าๆ ^^


พิธีกรงานนี้ค่ะ เปิดตัวอินเดี๊ย อินเดีย วิ่งรอบห้องเลย ฮา ^^
เล่นเกม ตอบคำถาม เกียวกับหนังพาไป 


พระเอกของงานที่ทุกคนรอคอยมาแระ  ^^


จำไม่ได้เหมือนกันนะว่าเล่าอะไรมาบ้าง เยอะแยะเลย 
เล่าไป ตบมุกเอง ฮากันเอง (ฮา)
เท่าที่นึกออกก็มีเล่าเรื่องที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นหนังพาไป
มีฉายหนังสั้น ของพี่เขา "กลางวันแสกๆ"
แล้วก็เอา unseen cut บางส่วนมาให้ชมกันค่ะ


พี่ๆเพื่อนๆหลายท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่องานนี้
มุมภาพอาจจะเสยหัวไปหลายคนเลยนะคะเพราะนั่งข้างหลัง 
แต่ก็เป็นบรรยากาศงานเนาะ ^^


คุยกันต่อ  ถ้าพี่สองคนมาอ่าน นี่เลือกรูปจังหวะดีดีให้แล้วนะคะพี่ 555 ^_^


ช่วงประมูลของไปทำบุญนี่เป็นอะไรที่สนุกเฮฮากันสุดๆ
หัวเราะจนเมื่อยหน้าเลย ^^


ช่วงท้ายงาน ก็ถ่ายรูปกันค่ะ มีทั้งรูปรวม รูปคู่สองคน รูปคู่สามคน

นี่ไง ^^

เป็นบรรยากาศงานพบบอลยอดที่น่ารัก เป็นกันเองที่สุดค่ะ
พี่สองคนน่ารักมาก ตลก เฮฮา พูดกันเองแต่บางจังหวะก็ทำพวกเราขำซะงั้น
(เพราะว่ามีลืมบ้าง ข้ามสคริปต์ไปบ้าง ฮ่าๆ)
ก่อนอื่นเลย ขอบคุณมากค่ะที่เลือกให้ไปงานด้วย
ถึงแม้จะไม่ได้คุยในงาน แต่ความรู้สึกสนุกสนานก็มีไม่แพ้คนอื่นๆแน่นอน

หนังพาไป ทำให้เกิดความอยากไปเที่ยวเองเหมือนคนอื่นๆนะคะ
เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบการเที่ยวแบบซื้อทัวร์เท่าไร
แต่ยังติดตรงที่เป็นผู้หญิง  จะไปแบบนั้นที่บ้านคงเป็นห่วงแน่ๆ

ถึงอย่างนั้น
"หนังพาไป" ทำให้เราได้เห็นมุมมองหนึ่งนะคะ
เชื่อว่าเป็นมุมมองที่ทำให้หนังพาไปได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกับคนดู 
คือ "การเดิน"
พี่ๆอาจจะตอบเหตุผลว่ามันประหยัดด้วย (ฮา)
แต่เวลาเดิน  รู้สึกมั้ยว่าเราจะได้มุมมองที่ใกล้ตัวเรานะ
มันเป็นมุมเดินถนน ที่เหมือนกับคนเราเดินกันอยู่ทุกวัน
ไม่เหมือนนั่งรถทัวร์ เดินลงรถก็ถึงสถานที่ท่องเที่ยวเลย

แอบรู้สึกเหมือนกับพี่ยอดพี่บอลนะคะ
อยากให้แฟนๆรายการของพี่เขา ได้มาพบกันแบบนี้ 

ที่แน่ๆรู้สึกเหมือนกันใช่มั้ย
อยากให้ทำ "หนังพาไป" ต่อไปเรื่อยๆ
อยากให้จัดกิจกรรมอย่างนี้อีกเรื่อยๆนะคะ
มันเป็นพลังใจให้ทั้งคนทำงาน   และคนดูทางบ้านอย่างเราๆด้วยเหมือนกัน 

จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม

ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านจนจบค่ะ
หวังว่าบรรยากาศและความรู้สึกที่เล่าให้ฟัง
จะสร้างความสุขให้คุณผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย ^^

จังหวะชีวิต

บางทีคนเราก็มีจังหวะชีวิตที่ยุ่งเหยิงด้วยกันทั้งนั้น

ทั้งภาระงานประจำ  ตารางเวลาที่ติดกันต่อเนื่อง 

แต่ในบางเวลา ร่างกายและจิตใจของมนุษย์เดินดินอย่างเราๆ

 ก็ต้องการ "ความว่าง" ที่จะพักผ่อนด้วย 

ไม่ว่าจะได้ทำในสิ่งที่ชอบ ไปท่องเที่ยวในที่ที่อยากไป

เพื่อฟื้นสภาวะที่สูญไป ในช่วงเวลาที่จังหวะชีวิตนั้นยุ่งเหลือเกินก่อนหน้านั้น


จงอย่าลืมว่าหนทางข้างหน้าไม่เรียบง่ายเหมือนที่ใจอยากให้เป็นเสมอไป
จงเตรียมร่างกายและใจให้พร้อมกับทุกจังหวะการเดินทางของชีวิต เพื่อที่จะมีพลังก้าวเดินต่อ...




11 ธันวาคม 2557

ห้วงอักษรที่ร้อยเรียง

เวลาเราอ่านตัวหนังสือหรือข้อความใดใด
ต่างคนต่างเวลาต่างประสบการณ์
ย่อมมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
ก็เหมือนเวลาเราอ่านหนังสือสักเล่ม
อ่านครั้งแรกก็ให้ความรู้สึกอย่างหนึ่ง
เมื่อเวลาผ่านไปลองหยิบมาอ่านอีกครั้ง
อาจจะพบประสบการณ์อีกแบบจากหนังสือนั้นก็ได้
คงไม่ต่างอะไรกับการดำเนินชีวิตคน
ที่ต้องการเวลาในฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์
อดทนตั้งใจศึกษาในสิ่งที่ตัวเองสนใจ
เพื่อที่จะทำสิ่งนั้นให้คล่องแคล่วมากขึ้น
เพราะว่าไม่มีใครเก่งจากการทำสิ่งใดในครั้งแรกเพียงครั้งเดียว...

เกิดข้อความนี้มากลางดึกวันก่อน
กระเด้งตัวมาจากที่นอนเพื่อมาเขียนร้อยเรียง

08 ธันวาคม 2557

มุมมองจากการเดิน

ในจังหวะชีวิตในแต่ละวัน
คุณใช้เวลากับการเดินมากน้อยแค่ไหน
เดินไปกินข้าวตอนพักเที่ยง
เดินไปโต๊ะเพื่อนร่วมทำงานข้างๆ
หรือเดินออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก

มีคนเคยบอกว่า
เดินเยอะจะเป็นการออกกำลังกาย
มันก็จริงแหละนะ ถ้าเราเดินเท่ากับการขยับตัว
ออกกำลังกล้ามเนื้อขาและน่อง
ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล  เราก็ได้ออกเดิน

แต่เวลาเดิน คุณเคยมองรอบๆตัวคุณบ้างไหมคะ
โลกรอบๆตัวคุณ จะหมุนไปพร้อมกับทุกๆก้าวที่คุณก้าวเดิน
ไม่ว่าระยะทางมันจะใกล้หรือไกล
พื้นผิวบนทางเดินจะมีร่องมีหลุมหรือไม่
เราก็ยังได้ใช้เวลาสังเกต เมื่อคุณเดิน

นอกจากนั้นยังได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง
เพราะการเดิน คือการทำงานของร่างกาย
เวลาคุณเหนื่อย คุณก็จะพัก
เมื่อพร้อม คุณก็จะก้าวเดินต่อ
ไม่ว่าระยะทางข้างหน้าที่ต้องเดินจะเหลืออีกสักเท่าไร
แต่ถ้าคุณพร้อมจะใช้กำลังกายและกำลังใจ
จุดหมายที่ตั้งใจไว้ก็คงอยู่ไม่ไกลเกินก้าว ^^

จุดหมายปลายทางก็สำคัญที่จะไปให้ถึง
แต่อย่าลืมมองข้างๆระหว่างที่เดิน
อาจจะพบความสุข ที่อาจจะหาไม่ได้ที่ปลายทาง

05 ธันวาคม 2557

นิยามความคิดถึง

เคยมีความรู้สึกแบบนี้กันไหมคะ?
เวลาที่เราเคยทำบางสิ่งบางอย่าง
ในทุกๆวัน หรือทุกๆคืน
เช่น อ่านหนังสือที่ชอบ
ไปเที่ยวกับเพื่อน
กินอาหารร้านโปรด
หรือแม้แต่การพูดคุยกับใครสักคน
แล้วบางช่วง บางเวลา
ถ้าสิ่งนั้นมันหายไปในระยะเวลาหนึ่ง
อาจจะสั้น หรือยาว แล้วแต่วันและเวลา
แต่ความรู้สึกเหล่านั้น ยังวนเวียนอยู่ในหัว
อยากเจอ อยากคุย อยากเที่ยว อยากทำสิ่งเหล่านั้นอีกครั้ง
ในแบบที่ผ่านมา
ถ้าคุณเคยมีความรู้สึกนั้น
จงนิยามว่ามันคือ "ความคิดถึง" :)
มันก็จะดีถ้ายังได้กลับไปทำสิ่งเหล่านั้นที่หายไปอีกครั้ง
แต่ถ้าวันหนึ่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงใดทำให้สิ่งนั้นหายไป
สิ่งที่กระทบที่สุดคงจะเป็นจิตใจ
และเราจะวนเวียนอยู่กับคำว่า "คิดถึง" ไปเรื่อยๆ

ป.ล. อย่าหายไปไหนนะ


01 ธันวาคม 2557

วันที่หนึ่งเดือนธันวาคม

วัน "แรก" เริ่ม ของเดือน
แต่เป็นเดือน "สุดท้าย"ของปี

สำหรับบางคนเป็นวันทำงาน
บางคนอาจเป็นวันเกิด
บางคนก็เป็นวันดีดีที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ
หรือสำหรับบางคนอาจเป็นวันที่รู้สึกไม่ดีก็ได้

ไม่ว่าวันหนึ่งจะเป็นวันอะไรสำหรับคุณ
ลองมองทุกๆวันให้เป็นความสุข
ความสุขที่เพิ่มเติมให้กำลังใจ
ที่จะมีชีวิตก้าวเดินต่อไปสำหรับ "พรุ่งนี้"

ไม่ว่าวันนี้ จะต้องพบเจอสิ่งใด
จงรับรู้ด้วย "หัวใจ"
เปิดรับสิ่งดีดีที่มีอยู่รอบข้างตัวคุณ

-----------------------------------------------------------

มาแปลกเลยเชียววันนี้ คุณผู้อ่านอาจจะงงว่าเราเขียนอะไรก็ได้นะคะ 555

ในวันหนึ่งมีโอกาสตั้งใจทำสิ่งดีดีให้ใครสักคน
วันนั้นก็คงเป็นวันที่น่าจดจำอีกวันหนึ่ง จริงมั้ยคะ ^^

26 พฤศจิกายน 2557

เดิน มอง ดู

โดยปกติ
เวลาไปเที่ยวที่ไหน
ส่วนใหญ่ เรามักจะไปโดยรถ
ไม่ว่ารถส่วนตัว หรือรถบัสขนาดใหญ่
ตัวฉันก็มักจะเป็นแบบนั้นซะส่วนมาก
ไปดูสถานที่ท่องเที่ยวใด
ก็จะได้ไปโดยพาหนะไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ไปตามจุดต่างๆ ตามที่โปรแกรมกำหนดไว้
หลายคนเป็นเหมือนกันไหม?

มีคนคนหนึ่ง
แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวอีกแบบให้กับฉันได้รู้จัก
นั่นคือการเดิน 
เริ่มต้นโดยรถประจำทาง / รถเมล์ หรือ รถไฟ 
ตามโอกาสที่อำนวยเหมาะสม
และมุ่งหน้าไปในที่ที่ต้องการจะไป
จากนั้น ก็เดิน...
เดินชมโบราณสถาน อาคาร ผู้คน ไปเรื่อยๆ
เหนื่อยก็หยุดพัก
ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนนำทาง
ชี้ให้ดูตรงนั้น ตรงนี้ เล่าประสบการณ์ให้ฟังหลายๆเรื่อง
ชักชวนฉันไป ในที่ที่เขาเคยไปมาแล้วบ้าง
แล้วเขามักจะถามเสมอ
ว่าเดินเหนื่อยมั้ย กลัวทำให้ลำบาก...

แต่ฉันกลับรู้สึกว่า การเดินเที่ยว ไม่ว่าจะไปที่ไหน
มันทำให้ได้อยู่กับตัวตนของเราและสิ่งรอบข้างตรงนั้นมากขึ้น
การที่เดินเพื่อไปถึง เราได้สัมผัส "ระหว่างทาง"
ระหว่างทางที่บนรถอาจมองไม่เห็น
ระหว่างทางที่บางมุมเราขึ้นรถกลับเราจะไม่รู้
ระหว่างทางอาจมีบางอย่างที่เราไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด
หรือบางวัตถุก็ไม่ได้จดจำ 
ทำได้เพียงแค่เดินไปถ่ายรูปกับมันแล้วก็กลับ

เลยรู้สึกว่า บางครั้ง เทคโนโลยีอาจทำให้คนห่างไกลจากการมองด้วยตา
เพราะบางครั้ง ก็ทำเพียงถ่ายรูปแล้วก็กลับ
บางทีอาจมีบางมุม ที่ "กล้องถ่ายรูป"นั้นมองไม่เห็น
มุมที่ใช้สายตาในการมอง ใช้ความรู้สึกในการรับรู้กับวัตถุตรงหน้า...

เวลาไปไหน 
คุณผู้อ่านได้ใช้เวลากับสิ่งเหล่านั้นตรงหน้า หรือระหว่างทาง
มากกว่าการถ่ายรูปอย่างเดียวบ้างหรือป่าวคะ ^_^


23 พฤศจิกายน 2557

วันที่แดดออก

จากสมุดจด สู่ blog ของฉัน
--------------------------------------


ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
จริงอยู่ เราอาจจะบ่นว่าร้อน
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า
ในเมื่อเรายืนอยู่ประเทศเมืองร้อน
ถ้าให้เลือกระหว่างฟ้าสดใสกับฟ้าสีหม่น
ขอเลือกเวลาฟ้าปลอดโปร่งมากกว่า
ถึงแม้ว่าเราจะต้องทนร้อน ทนแดดมากกว่ากัน
แต่ก็ยังดีกว่าเวลาฟ้าหม่น ดูเหมือนจะร้องไห้เป็นสายฝน
เพราะเวลาที่ท้องฟ้าสดใส
เราได้แสดงออกในกิจกรรมที่อยากทำได้
ถ้าวันใดฟ้ามัวหมอง
บรรยากาศจะดูเหงาหงอยตามไปอีก

ถ้ามองกลับมาที่ตัวเองนะ
เราจะเลือกให้ตัวเองเป็นอย่างท้องฟ้าเวลาใด
ท้องฟ้าสดใส เต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขาว
หรือท้องฟ้าหม่นมัวกับก้อนเมฆสีเทาที่บางทีก็ฝนตกมาด้วย

แน่นอนว่าในทุกวัน ย่อมเป็นได้ทั้งสองแบบ
ตามอารมณ์ของคนที่มีปะปนกันไป

แต่เราจะทำอย่างไร?  ให้ เรา ไม่ ปล่อย ใจ รู้สึก มัวหมอง นาน

----------------------------------

21 พฤศจิกายน 2557

วันดีดี

ถ้าหากลองนึกถึงคำว่า "วันดีดี"
คงเป็นวันที่สนุกสนาน ประทับใจ กับอะไรสักอย่าง
บางทีก็อาจเป็นสถานที่ 
บางทีก็เป็นช่วงเวลา
บางครั้งก็อาจเป็นคนคนนั้นที่ไปด้วยกันมา

ถ้าหากเราไม่ประทับใจอะไรบางอย่าง
วันดีดีคงไม่มีให้เราได้นึกถึง 
แต่เพราะเราถูกใจ หรือ like กับอะไรสักอย่าง
ช่วงเวลานั้นกลับยังอยู่ในความทรงจำ
ให้นึกถึงอยู่ ... เรื่อยๆ
ได้ยิ้มออกมา เวลาที่คิดถึงมัน

เพราะความสุขที่เกิดอาจไม่ต้องไปวิ่งตามหา
หรือออกไปข้างนอกเพื่อสร้างสรรค์มันขึ้นมา
บางทีอาจเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาธรรมดา
ช่วงเวลาหนึ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ที่ดำเนินไปเท่านั้นเอง
ขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความพิเศษกับมัน
ที่จะแปรเปลี่ยนเป็น "ความสุข" ให้ใจของเรามากน้อยแค่ไหน

---------------------------------------------------------------------
มีคนคนหนึ่งเคยบอกว่า ตอนเขียนเขารู้สึกอย่างไรก็จะเขียนออกมาอย่างนั้น
ความรู้สึกตรงนั้นจะถูกกลั่นกรองมาเป็นตัวอักษร
วันนี้นึกยังไงไม่รู้ เลยเขียนแบบนั้นบ้าง อย่างข้อความข้างต้น
จากปกติ จะมีร่างก่อนอย่างน้อย 1 รอบ

บางที การเขียนแบบคิดสด มันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ
มันได้รู้ ว่า  ความ  คิด  ณ  ตอน  ที่  เขียน  อยาก  เขียน  อะไร :)

20 พฤศจิกายน 2557

บนท้องฟ้า

เวลามองดูเมฆที่ลอยบนท้องฟ้า เช้า หรือเย็น
ในเวลาที่มีดวงอาทิตย์ไปหลบอยู่ข้างหลัง
เออ แสงมันสวยดีนะ
ในบางจังหวะ ก็รู้สึกว่า ก้อนเมฆนั้นมีอิสระจัง
ลอยไป ลอยมาอยู่บนฟ้า
แต่เราจะรู้หรือเปล่าว่า  บนท้องฟ้าปั่นป่วนแค่ไหน
บางทีก้อนเมฆต้องเจอลมพัดแรง
หรือรวมตัวมากจนกลายเป็นเมฆฝน
ซึ่งมันไม่สวยงามสักเท่าไร

ถ้าลองมองในอีกมุมหนึ่ง
คนบนพื้น ก็ต้องพบเจอกับสิ่งต่างๆตามวันเวลา
บางวันเป็นเรื่องดี
บางทีก็เป็นเรื่องเหนื่อยใจ
คนบนพื้นก็ต้องยืนหยัดให้ได้
เมื่อเราสามารถพ้นอุปสรรคเหล่านั้นได้
ในความรู้สึก
จะเป็นเช่นยามท้องฟ้าเวลาหลังฝนตก
ก้อนเมฆสีเทาจะกลับสู่สภาพเดิม
ภาพท้องฟ้าที่เราเห็นว่าสวยในตอนแรก...

04 ตุลาคม 2557

ท่องอาณาจักรสุโขทัยอีกครา

สวัสดีคุณผู้อ่านอีกครั้งนะคะ  วันนี้เป็นบันทึกการเดินทาง
ทริปกำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย และพิษณุโลก
ซึ่งเราได้ไปมาแล้วเกือบเดือน เพิ่งจะได้มาอัพเดต ^^
บันทึกนี้ก็จะเป็นลักษณะ นำชมโบราณสถานแล้วกันเนาะ
จะไม่ใส่ข้อมูลอะไรยาวๆ เน้นรูป ฮาาา
และบางแห่งหลายคนอาจจะเคยไปกันบ้างแล้วแหละ
เพราะ writer เป็นเด็กประวัติศาสตร์ศิลปะ
ทริปนี้ไปค่อนข้างหลายวัด ติดตามชมนะคะ

12 กันยายน 2557 เวลา 6:30 น. พร้อมกันที่มหาวิทยาลัย
และออกเดินทางสู่จังหวัดกำแพงเพชร
ที่แรกที่มาถึง คือ พิพิธภัณฑ์กำแพงเพชร
ที่นี่สร้างอาคารจัดแสดงใหม่ น่าสนใจทีเดียวค่ะ ^^
(พิพิธภัณฑ์กำแพงเพชร)

ที่ต่อมา เป็นเขตโบราณสถานกำแพงเพชร วัดพระแก้ว และ  วัดพระธาตุ
(วัดพระธาตุ)
รูปที่ถ่ายมาจะถ่ายทำนองเจาะรายละเอียดไปหน่อย 
ขออนุญาตลงไม่เยอะนะคะที่2วัดนี้ ^^
ป้ายถัดไป เอ้ย ! สถานที่ถัดมา เราไปกันที่วัดนอกเมืองในเขตอรัญญิก 
คือ วัดพระสี่อิริยาบถ ที่นี่จะมีมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปสี่อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน
(วัดพระสี่อิริยาบถ)
สำหรับวัดสุดท้าย ก่อนเดินทางเข้าเมืองสุโขทัย คือวัดช้างรอบค่ะ 
เป็นวัดสำคัญของกำแพงเพชร ที่ฐานเจดีย์มีการทำเป็นรูปช้างครึ่งตัวโดยรอบ  
ส่วนองค์เจดีย์ได้พังไปหมดแล้ว

(วัดช้างรอบ)
ที่แรกของเมืองสุโขทัยในวันนี้ คือ ศาลตาผาแดง 
เป็นหลักฐานปราสาทในวัฒนธรรมขอมที่ปรากฏในสุโขทัย

(ศาลตาผาแดง)
จนมาถึงเวลาเย็น เราไปกันที่ วัดพระพายหลวง
บริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ตั้งเดิมของเมืองสุโขทัย 
โบราณสถานมีปราสาท 3 หลัง  ที่ยังมีแบบอย่างวัฒนธรรมเขมรอยู่

(วัดพระพายหลวง)
วัดสุดท้ายของวันนี้ อาจารย์บอกว่าแถม ^^ 
วัดนั้นมีชื่อว่า วัดศรีชุมค่ะ 
โบราณสถานมีมณฑปและเป็นที่ประดิษฐานพระอจนะ

[[ไปทริปสุโขทัยที่ไร ต้องไปวัดศรีชุมและวัดพระพายหลวงตอนเย็นๆทุกทีเลยนะเนี่ย แหะแหะ]]
(วัดศรีชุม)
จบวันแรกค่ะ ได้นับหรือเปล่าว่ามีกี่วัด ^^

ไปวัดที่สองเลย วันที่  13  กันยายน 2557
เริ่มต้นที่วัดมหาธาตุ  วัดสำคัญกลางเมือง 
มีเจดีย์ที่เรียกว่าทรงพุ่มข้าวบิณฑุ์เป็นประธาน
ใครไปสุโขทัย ต้องได้ไปวัดนี้แน่นอนนนนนน :D

(วัดมหาธาตุ)
วันนี้แสงสวยมาก และแดดร้อนมากจริงๆ 
สังเกตท้องฟ้าแจ่มใสเป็นพิเศษ ฮ่าๆ 
อีกจุดเป็นเจดีย์ในบริเวณใกล้เคียง 
เจดีย์หมายเลข16 
จะเหลือแต่ส่วนฐาน เป็นระเบียบเดียวกับเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑุ์
(เจดีย์หมายเลข16)

วัดถัดไปกันเลยนะ วัดตระพังเงิน  
วัดขนาดเล็กทางตะวันตก
เจดีย์พุ่มข้าวบิณฑุ์เป็นประธานเช่นกัน 


(วัดตระพังเงิน)

วัดต่อมาชื่อว่า  วัดสระศรี มีเจดีย์ทรงระฆังเป็นประธานของวัด 
ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือในเขตเมืองเก่าสุโขทัย

(วัดสระศรี)

ถัดจากวัดสระศรี ป้ายต่อไป ชื่อว่า วัดชนะสงคราม เจดีย์กำลังเข้าเฝือกอยู่ (ซ่อม)
(วัดชนะสงคราม)
เกือบเที่ยง สำหรับวัดในเขตเมือง ไปจบที่วัดศรีสวาย 
ที่วัดนี้มีเจดีย์ทรงปราสาทเป็นประธาน
แต่ลักษณะงานสร้างไม่เหมือนกับวัฒนธรรมขอมแล้ว

(วัดศรีสวาย)
จบสำหรับวัดเขตเมืองเก่า หลายคนเคยไปก็จะเคยเห็นกันแล้ว
รูปที่ลงให้ชมก็จะเป็นมุมมาตรฐาน ที่น่าจะคุ้นตากัน
ไปกันต่อสำหรับวัดนอกเมือง ชื่อว่า วัดพระเชตุพน
โบราณสถานที่พบ เป็นมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูป4อิริยาบถ
ด้านหน้าเป็นวิหาร กำแพงแก้วทำด้วยหินชนวน
(วัดพระเชตุพน)
ที่สุดท้ายก่อนไปกินข้าวเที่ยงกัน
คือ วัดเจดีย์สี่ห้อง ค่ะ ^^
(วัดเจดีย์สี่ห้อง)

หมดไปครึ่งวันแล้วนะ ยังติดตามชมรูปวัดกันอยู่หรือเปล่า ^^
ต่อไปเราเดินทางไปที่เมืองศรีสัชนาลัยค่ะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
ที่แรกที่ไปถึง คือ!! วัดพระศรีมหาธาตุ เชลียง
ขอบ่นนิดนึง  แดดร้อนมากมาก >,< 
มีพระปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้นเป็นประธาน 
คาดว่าเป็นการสร้างครอบทรงพุ่มข้าวบิณฑุ์

(วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง)

สถานที่ถัดมา เราไปแหล่งโบราณคดีวัดชมชื่น และไปดูที่วัดชมชื่นค่ะ
ต่อจากวัดชมชื่น คือ วัดเจ้าจันทร์ และ วัดโคกสิงคาราม 
แต่รูปจะเว้นนิดนึงนะคะ พอดีไปจับกล้องอีกตัว รูปไม่มีในเครื่อง แหะแหะ
(วัดชมชื่น)
กลับเข้ามาในเขตเมืองศรีสัชนาลัยบ้าง
วัดที่ไปมี... 
วัดช้างล้อม
วัดเจดีย์เจ็ดแถว
วัดนางพญา

(วัดช้างล้อม)

(วัดเจดีย์เจ็ดแถว)
เห็นอะไรมืดๆนั่นไหม เราเองนะคะ ไปมาเองจริงๆนะ 555 ^_^

อีกสองวัดของศรีสัชนาลัยนะคะ ชื่อว่า วัดเจดีย์เอน และวัดเจดีย์เก้ายอด วัดเขาใหญ่ล่าง
เป็นวัดบนเขา อยู่นอกเมือง
ความจริงอาจารย์พาเดินไปถึงวัดเขาใหญ่บน 
แต่งานเราอยู่เจดีย์เก้ายอด เดินไม่ทันอาจารย์  >.<

(วัดเจดีย์เก้ายอด)
รูปอาจจะลงไม่ครบทุกที่นะคะ กลัวจะยาวไป 
จบไปแล้ว วันที่ 2 นับจำนวนวัดกันหรือเปล่า 
รู้สึกว่าจะลงรูปได้ยาวมากจริงๆ 
ไปต่อกันเลยนะ  วันที่ 3 ของการเดินทาง
14 กันยายน 2557 เราอยู่กันที่ สุโขทัย

ที่แรกของวันนี้ วัดช้างล้อม (สุโขทัย)นะ
(วัดช้างล้อม สุโขทัย)
วัดถัดมาคือวัดตระพังทองหลาง มีมณฑปต่อวิหาร 
(วัดตระพังทองหลาง)
หลังๆรู้สึกรายละเอียดเริ่มสั้นลงนะคะ 
ชมรูปไปแล้วกันเนาะ ^^
วัดสุดท้ายที่สุโขทัย ก่อนจะไปพิพิธภัณฑ์รามคำแหง
อยู่บริเวณด้านหน้าอุทยานเมืองเก่าเลย
ชื่อว่าวัดตระพังทองค่ะ
(วัดตระพังทอง)
หลังจากอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประมาณชั่วโมงกว่า
เราก็เดินทางสู่พิษณุโลกสองแคว
ไปวัดใหญ่ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก
และวัดจุฬามณี 
ถ้าเคยไปเมืองพิษณุโลก น่าจะรู้จักกันดีนะคะ 
มีรูปมาฝากคุณผู้อ่านทุกคน
วิหารพระพุทธชินราช คนเยอะมากกก วันอาทิตย์นักท่องเที่ยวเยอะนะ
(วัดจุฬามณี)
ขอตัดจบแล้วกันเนาะ 
ไปมา 3 วันได้นับกันมั้ยคะว่าเราไปมากี่วัด 555
รู้สึกอัพเดตคราวนี้ รูปเยอะมาก
ขอบคุณที่ติดตามชมจนจบมาถึงวัดจุฬามณีนะคะ

See you next time




06 กันยายน 2557

หมอก

เป็นเรื่องราวจากซีรีส์เรื่องดัง ที่อยากจะพูดถึงเป็นครั้งแรก
Hormones season 2 ตอน "หมอก" เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของหมอกกับครอบครัว
แฟนๆซีรีส์คงจะทราบกันดีว่า ตัวละครหมอกเป็นคนยังไง
ไม่กล่าวรายละเอียดในตอนนี้มากนัก ต่อจากนี้เป็นความรู้สึกล้วนๆ ไปพิมพ์ที่อื่นมันไม่พอ 555 ^^

สรุปจากที่ดูแล้วคือชอบ ซึ้งแล้วก็เศร้า ส่วนตัวก็ชอบตัวละครหมอกอยู่แล้วด้วยแหละ
เป็นการดูเรื่องนี้ครั้งแรกๆ ที่ดูไปก็ร้องไห้ไปด้วย ในแบบที่ว่าร้องไห้โฮ
คงเป็นเพราะเรื่องครอบครัว  ทำให้อินง่าย  ให้ความรู้สึกนึกถึงเวลาสูญเสีย
เราจะอยู่ยังไง ถ้าเวลาเราไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคงใจสลาย
ทำให้ต้องหันมาใส่ใจดูแลสมาชิกในครอบครัวให้มากขึ้นกันนะคะ
โดยเฉพาะวัยรุ่น ช่วงเวลาเดียวกันอย่างที่ละครอย่างจะสื่อ
เป็นวัยที่กำลังมีเพื่อน จะสนิทกับเพื่อน เริ่มมีโลกของตัวเอง
อยากให้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่บ้าง ฟังพ่อกับแม่บ้าง
ก่อนที่จะอยู่ในสถานการณ์อย่างที่หมอกเป็นอยู่
พ่อแม่อาจจะจู้จี้กับเรา เราอาจจะรู้สึกรำคาญ
แต่การกระทำของเขาคือความหวังดีทั้งนั้น
ถ้านึกถึงตอนที่เรายังเด็กถามโน่นถามนี่ พ่อแม่ยังไม่รำคาญเราเลย
ความรักของพ่อแม่คือสิ่งที่ดีงาม สรรหาทุกอย่างมาให้ ไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์

หมอกเป็นตัวละครที่อาจจะแทนบรรดาลูกๆวัยรุ่นที่กำลังห่างจากพ่อและแม่
อยากมีโลกส่วนตัวของตัวเอง จากการที่หมอกอยากไปอยู่หอ
การที่พ่อของหมอกไม่บอกเรื่องอาการป่วย
คือความรู้สึกที่ไม่อยากเห็นลูกมาเป็นทุกข์กับการป่วยของตัวเอง
แต่หมอกเป็นตัวอย่างของเรื่องสติและความอดทน
หมอกต้องอดทนเก็บความรู้สึกแค่ไหน ทั้งๆที่รู้ว่าพ่ออยู่ไม่ไหวแล้วแน่ๆ
ต้องเข้มแข็งต่อหน้าน้องสาว ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าพ่ออาจจะไม่หาย
ต้องกลายเป็นเสาหลักของบ้าน ดูแลน้อง ทั้งที่อยู่เพียงชั้น ม.6
หากใครที่กำลังรู้สึกห่างเหินกับคนเป็นพ่อแม่และคนในครอบครัว
เรื่องราวตอนนี้อาจเป็นสิ่งที่ให้หยุดคิดกันว่า
เราใส่ใจความรู้สึกของคนในครอบครัวกันมากน้อยแค่ไหน
หากว่ามีน้อยหรือยังไม่มี ฝากดูแลคนในครอบครัวของคุณให้ดี
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป แล้วจะมีช่วงเวลาอย่างหมอก
ทำดีต่อกันในตอนมีชีวิต  จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายเวลาทีหลัง
ว่าตอนนั้น เราน่าจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ .....

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ
ดูซีรีส์จบ ตอนนี้คนเขียนเวิ่นเว้อมากจริงๆ 555
ได้แต่หวังว่า บางถ้อยบางคำ อาจจะเป็นสิ่งชี้นำ
ให้ฉุกคิด  ถึงเรื่องราวของครอบครัวกันบ้าง
ถ้าผิดพลาดอะไร ขออภัยไว้ด้วยนะคะ
ตอนหน้าถ้านึกอะไรออกก็อาจจะมาอีกก็ได้นะ ^^


26 สิงหาคม 2557

เที่ยวแพน้ำพรม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ^^ คราวนี้จะพาไปเที่ยวนะ  
สถานที่ท่องเที่ยว คือ ลำน้ำพรม อ.เกษตรสมบูรณ์ ที่ชัยภูมิ

สถานที่ที่เดินทางไป เรียกว่า แพน้ำพรม อยู่ในลำน้ำพรม ลำน้ำตอนเหนือของจังหวัดชัยภูมิค่ะ เป็นสถานที่พักผ่อนชมวิวที่หนึ่ง มีร้านอาหารบริการ และสามารถล่องแพไปตามลำน้ำได้ด้วย ราคาต่อชั่วโมงก็จะแตกต่างกันไปค่ะ (ประมาณ300-500บาท) และต้องจองล่วงหน้าด้วยนะคะถ้าใครจะล่องแม่น้ำ ^^ บ้านเราไปแบบไม่ได้จอง ไปนั่งกินข้าวเฉยๆ ชมวิวไป  กับข้าวกับปลาก็อร่อยนะ 


 กับรูปปั้น ปลาพวงชมพู เค้าบอกว่าเป็นปลาพันธุ์ของลำน้ำพรม

ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรจะบรรยายเท่าไร 555 ^^ 
ไปถึงแพน้ำพรมแล้วยังมีอีกสถานที่ใกล้ๆ มีชื่อว่า ภูคิ้งค่ะ
เขาว่ากันว่า 10 ภูกระดึงเท่ากับ1ภูคิ้ง จริงหรือไม่ต้องไปลองเดินป่าสำรวจธรรมชาติกันค่ะ
(ส่วนตัวยังไปไม่ถึง แฮ่) แต่คิดว่าอาจจะมีจำกัดคนขึ้นบ้างนะคะ ภูคิ้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อาจจะไม่ได้เปิดอิสระเหมือนกับอุทยานแห่งชาติ

มีภาพมาฝากเท่านี้จริงๆ ชวนเที่ยวนะคะ ประเทศไทยยังมีที่สวยๆที่ยังไม่เคยเห็นอีกมากมาย ^^
ขอบพระคุณที่แวะมาชม ^^