27 มิถุนายน 2558

ว่าด้วยการท่องเที่ยว

มานั่งนึกๆดู  ไม่รู้เหมือนกันว่าเราไปอินเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่เมื่อไหร่
ปกติก็ไม่ได้สนใจมากมายเท่าไรนัก
ตอนเด็กๆก็แล้วแต่ครอบครัวจะพาไปไหน
หรือว่ามันจะอยู่ในห้วงความรู้สึกลึกๆมานานแล้ว
พอมาเจอเพื่อนที่สไตล์คล้ายๆกัน คิดคล้ายๆกัน
เลยชอบเรื่องแบบนี้ขึ้นมาโดยปริยายก็ไม่รู้นะ ฮา ^ ^

หลังๆมานี้เราก็เริ่มติดตามรูปแบบการเดินทาง
ที่คนชอบแชร์กันในโซเชียล
อ่านบ้าง  ดูแผนการเดินทางของเขาบ้าง
ตามที่เวลาว่าง และความอยากอ่าน
จากที่เป็นคนชอบเขียนอยู่แล้ว
พอเริ่มเดินทางเที่ยว ไม่ว่าจะไปกับที่บ้านหรือเพื่อน
ก็เริ่มบันทึกบ่อยขึ้น ^^ ตามทริปและจังหวะโอกาสที่มี (ย้อนดูโพสเก่าๆได้นะ)

พอเวลาผ่านไปก็เริ่มมาติดตามหลายๆคน ที่เป็นไอดอลด้านการเดินทาง
อย่างเช่น พี่บอล พี่ยอด จากรายการหนังพาไป
พี่วรรณสิงห์ จากรายการพื้นที่ชีวิต
และรวมทั้งงานเขียนประเภทบันทึกเดินทางของพี่เอ๋นิ้วกลม
วันนี้เลยแวะมาเล่า ประสบการณ์ที่ไปร่วมงานเสวนาอยู่สองงานค่ะ
เป็นสองงานที่พูดคุยเรื่องการท่องเที่ยว
จะว่าเหมือนกันก็เหมือน จะว่าต่างกันก็ต่างนะ (อะไรของแกเนี่ย ฮ่าา) ^^

งานแรก เป็นกิจกรรมในงานพิพิธอาเซียน(น่าจะชื่อประมาณนี้แหละ แหะๆ)
จัดที่ TK Park ในเซนทรัลเวิลด์  (เมื่อวันที่14มิถุนายน)
เสวนา Inspired by Idol "อาเซียนจากสายตานักเล่าเรื่อง"
ในงานนี้ มีพี่บอลกับพี่ยอด หนังพาไป และอาจารย์เกรียงไกร เกิดศิริ (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร) มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศอาเซียน

การพูดคุยก็เหมือนเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ออกเดินทางในประเทศอาเซียนแหละค่ะ อาจารย์เกรียงไกรก็มีรูปมาให้ดูเยอะแยะไปหมดเลย น่าสนใจทั้งนั้นนะคะ มีอีกหลายที่ในอาเซียนของเรา ที่เราควรจะไปเรียนรู้ และรู้จัก ไปเห็นให้มากขึ้น  

เท่าที่ฟังก็เห็นมุมมองที่แตกต่างกัน การเดินทางของอาจารย์เกรียงไกร บางครั้งก็ไปพร้อมการทำงานวิจัย บางแห่ง จึงได้เห็นในที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ได้พบเจอก็มี  ส่วนพี่บอลกับพี่ยอด งานนี้มาเหมือนเป็นพิธีกร (ฮา) แต่เราก็เห็นมุมมองจากรายการนะ การเดินทางของพี่บอลกับพี่ยอด มีจุดประสงค์ก็ไปถ่ายทำรายการ แค่ความตั้งใจก็ต่างกันแล้วแหละ แต่ว่าสิ่งที่เหมือนกันก็คือ อยากนำเสนอมุมมองที่ต่างไปจากการเดินทางท่องเที่ยวแบบเดิมๆ   Main Idea จากงานนี้ ก็เห็นจะเป็นเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวนั้น เราไปเพื่อที่จะเรียนรู้ ถ้าไปแล้วไม่ได้คิดไม่ได้เรียนรู้ ก็ไม่รู้จะเสียสตางค์เดินทางไปทำไม (ทำไมเขียนๆไปมันดูเป็นวิชาการจังเลย 555 )

ก็ประมาณนี้แหละค่ะ ฟังๆไปเราก็อยากไปในประเทศอาเซียนให้ครบเหมือนกันนะ 
มีอะไรอีกเยอะที่เราไม่ได้เห็น จะรวมเป็นอาเซียนกันอยู่แล้ว ^^


ไปอีกงานกันเลยดีกว่าโนะ เป็นเสวนาประกอบนิทรรศการ 
เรื่อง Low Carbon Tourism เที่ยวแบบคนไม่เอาถ่าน (โครงการของอพท.)
งานนี้มีไอดอลเรื่องการเดินทางไปพูดคุยสองคน คือ 
พี่มิ้น  I Roam Alone  และพี่วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล

การท่องเที่ยวแบบ Low Carbon คืออะไร 
เท่าที่ฟังก็ไม่ได้เข้าใจแจ่มแจ้ง100เปอร์เซ็นต์นะ (อ้าว^^)
เอาที่เข้าใจ คือการเดินทางท่องเที่ยว ในแบบที่ใช้พลังงานที่ทำลายธรรมชาติให้น้อยที่สุด 
อย่างเช่น กินอาหารในท้องถิ่นนั้น หรือการเดินทางโดยจักรยาน (หรือจะเดินก็แล้วแต่เลย)
ในงานก็เป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในหลายๆเรื่องเลยทีเดียว
เพราะพี่ทั้งสองคน ก็เดินทางมาเยอะมาก
อย่างพี่มิ้น เป็นผู้หญิงที่ออกเดินทางเที่ยวคนเดียว ชอบเที่ยวธรรมชาติ
ส่วนอย่างพี่วรรณสิงห์ ออกเดินทางเพื่อไปทำรายการ
แค่มุมมองของการออกเดินทางก็ต่างกันแล้ว ^^

งานนี้ไม่ได้ถือกล้องไป เลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศมาให้ดูกัน
อาจจะไม่ได้เล่าลงรายละเอียดของงานเสวนามากเท่าไรนะคะ
บางทีประสบการณ์จากงานแบบนี้ คุณต้องไปฟังเองนะ (พูดจริงๆ)

ถ้าเอาความคิดส่วนตัวต่องานสองงานที่ได้ไปฟังมา
การที่เราได้ฟังประสบการณ์ของคนอื่น 
ก็เป็นประโยชน์กับเราในหลายๆเรื่อง
ทำให้เราได้คิดตามเขาไปด้วย 

ถ้าเกิดว่าอยากท่องเที่ยวรูปแบบไหน เอาแบบที่เป็นของตัวเอง 
เป็นเราอยากรวมไอเดียของทั้งสองงานนี้มา

คือ

เดินทางเที่ยวแบบ Low Carbon (ประหยัดพลังงาน) และในขณะเดียวกัน เราจะเรียนรู้ ในที่ๆเราไป ไม่ว่าจะเป็นคน สถานที่ วิถีชีวิต เพราะการเดินทางไม่ใช่แค่ว่าเราไปเห็นกับตาเท่านั้น เรายังใช้สมองเรียนรู้ ใช้ใจสัมผัส ในความเป็นตัวตน ความต่าง ของสถานที่ที่เราไป หรือแม้แต่เพื่อนร่วมทางด้วย  เราจะเปิดตัวเองให้กว้างขึ้น ปล่อยใจให้กว้างขึ้นในเวลาที่เราออกเดินทาง เพราะเราจะไปเห็นในสิ่งที่มันเป็นอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น หรืออยากให้มันเป็น การเดินทาง เป็นเหมือนต่อเติมประสบการณ์ชีวิตอย่างนึงนะ

เขียนอะไรยืดยาวก็ไม่รู้เนาะ ขอบคุณที่อ่านลงมาจนจบนะคะ
สุดท้าย ก็แปะรูปไอดอลการเดินทางขอบหลายๆคนไว้ให้ดูหน่อยละกัน ^^
เขินหน้าตัวเองอะ  ฮาาา > <



สองรูปสุดท้ายอาศัยกล้องเพื่อนถ่ายมา  ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ^^ 





16 มิถุนายน 2558

เมื่อออกเดินทาง



การออกเดินทางคือการออกไปเรียนรู้ 
ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าเรามีใจจะเรียนจะรู้ก็ทำได้
บางครั้ง เราต้องออกไปสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตัวเองถึงจะรู้
บางประสบการณ์ ต้องทำในตอนที่ยังมีแรงอยู่ ถึงจะดี
บางเวลา การเดินทางก็ต้องมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยกัน ถึงจะสนุก
"ระหว่างทาง" ก็สำคัญ "จุดหมายปลายทาง" ก็สำคัญไม่แพ้กัน
อยู่ที่ว่า เราจะก้าวออกไปแบบไหน
 
เพราะไม่ว่าสิ่งนั้นจะสำเร็จหรือผิดพลาด
 
ทุกๆอย่างล้วนเป็น "ประสบการณ์" ที่หาไม่ได้ถ้าไม่ลงมือทำเอง

05 มิถุนายน 2558

การเดินทาง vs ชีวิต

ไม่ได้อัพเดตมานานอยู่เหมือนกัน
จังหวะชีวิตยังไม่ได้อำนวยจะให้เขียนอะไรสักเท่าไร
แต่ในเวลาที่ผ่านมานี้ มีเรื่องราว เหตุการณ์ ผ่านไปมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

เลยมานั่งนึกๆดู สำหรับการเดินทางที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะได้เดินทางไปไหน เดินทางระยะไกล หรือใกล้
เวลาสั้น หรือยาว สิ่งหนึ่งที่นึกถึงอยู่เสมอคือ "บ้าน"
เพราะจุดหมายปลายทางไม่ว่าเราจะไปไกลแค่ไหน
คำสุดท้ายที่เรานึก คือ "กลับบ้าน"

การเดินทางเหมือนกับชีวิตเรายังไง
เมื่อออกเดินทาง เรามีทั้งเรื่องที่เตรียมตัว และไม่ได้เตรียมตัว
บางครั้งต้องอาศัยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
บางทีก็มีเรื่องให้ครุ่นคิด ใคร่ครวญตลอดเวลา
ราวกับว่า ทุกการเดินทางนั้น ทำให้เราเติบโต
และเปลี่ยนแปลงไปในบางเรื่องหรือหลายอย่าง

เมื่อออกเดินทาง เราจะมีช่วงเวลาที่อยู่กับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง
สิ่งเหล่านี้เหมือนกับความสัมพันธ์ ที่อยู่ในชีวิตเรา
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน หรือคนสนิท
ในเวลาที่เรากำลังเดินทาง
ไปท่องเที่ยว ทำงาน หรือค้นหาติดตามอะไรบางอย่าง
เราจึงต้องรักษา "ความสมดุล" ของ ความสัมพันธ์กับคนข้างๆเราไว้ให้ดีเหมือนกัน

การเดินทาง จะเกิดการพูดคุยระหว่างคนในสังคม และคนใกล้ๆตัว
เราว่า มันก็เป็นการแสดงตัวตนอย่างหนึ่งนะ
ที่เราจะแสดงออกให้คนได้เห็น ว่าเราเป็นคนยังไง
ซึ่งกับคนสนิท/คนไม่สนิท การวางตัวของเรา  จะไม่เหมือนกัน
ไม่ใช่ว่าเราไม่จริงใจ  แต่เราจะรู้จัก "กาลเทศะ" กับคนมากขึ้น

การเดินทางทำให้มีประสบการณ์
ที่บางครั้งไม่สามารถหามาได้ ถ้าเรายังอยู่กับบ้าน
การออกเดินทางก็เหมือนการใช้ชีวิต
มีถูกทาง ผิดทาง หลงทาง เหงา่ ทุกข์ ท้อ และมีความสุข
ซึ่งไม่ว่าจะหันหน้าออกเดินทางแบบไหน
แต่เมื่อเราตัดสินใจออกจากบ้าน
ประสบการณ์มันจะไม่เหมือนกันสักที่หรอก

แต่ก็มีในสิ่งที่ต่างระหว่างการเดินทางกับชีวิต
คือ ระยะทางที่ยาวไกลระหว่างการเดินทาง
ในเวลาท่องเที่ยวหรือออกเดินทางแบบปกติ
อาจจะมีจุดหมายสิ้นสุด มีขอบเขตของเวลา
แต่ในชีวิตของคน หนทางข้างหน้ามันมักไม่สิ้นสุด
เพราะเราไม่รู้เลยว่า จังหวะชีวิตเราจะเป็นยังไง และมีปลายทางตรงไหน
เพราะฉะนั้น "ระหว่างทาง" ตรงนี้ที่คุณกำลังก้าวเดิน
ทำทุกวันให้สุขที่สุด รักษาตัวเองให้ดี เท่าที่จะทำได้ดีกว่า

เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้า
เราจะเจอกับอะไรบ้าง

สวัสดีวัน สุข ^^ 05/06/2015



01 เมษายน 2558

การเดินทางมาพบกันผ่านตัวอักษร

วันนี้ไปงานสัปดาห์หนังสือรอบที่2
เพื่อไปติดตามต่อแถวขอลายเซ็นต์นักเขียนสักครั้ง
ปกติเวลาไปซื้อหนังสือในงาน
เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาไปต่อแถวเจอนักเขียนสักเท่าไร
แต่วันนี้ได้ไปเจอ เลยต้องเขียนblogสักหน่อยแล้วววว

คนแรกคือพี่เอ๋ หรือผู้ถือนามปากกาว่า นิ้วกลม
อ่านผลงานแรกของนิ้วกลม กับหนังสือที่มีชื่อว่าแอ่งน้ำกลางทะเลทราย
หลังจากนั้นก็ติดตามอ่านมาเรื่อยๆ
เวลาอ่านหนังสือของพี่เอ๋ รู้สึกย้อนคิดมาถึงตัวเองทุกที
ได้รับแรงบันดาลใจในหลายๆข้อความที่พี่เค้าสื่อสารออกมาผ่านตัวอักษร
จนเราอยากทำความฝันตอนเด็กว่าอยากเป็นนักเขียนให้เป็นจริง
ทำให้เราพยายามสร้างงานเขียนของตัวเองให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น




ถัดมามี2คน คือพี่บอล พี่ยอด จาก รายการหนังพาไป
แต่ก่อนส่วนตัวติดตามรายการหนังพาไปไม่บ่อยนัก
ก็รู้จักมาพอสมควร แต่มาดูจริงจังในระยะหลัง
รู้สึกชอบการเดินทางแบบนี้และมุมมองของพี่ๆเค้าผ่านรายการ
แต่เอ๊ะ เกี่ยวอะไรกับงานหนังสือเหรอ บางคนอาจจะเพิ่งทราบ
พี่บอลพี่ยอดเขียนหนังสือในชื่อ "มองพม่า" ร่วมกับนักเขียนคนอื่นๆด้วยค่ะ
ของพี่บอลพี่ยอด  เป็นเรื่องราวตอนหนึ่งในการทำรายการตอนไปพม่า
ส่วนตัวยังไม่เคยไปพม่าเลย  เลยซื้อมาลองอ่านสักเล่ม
เป็นหนังสือรูปแบบหนึ่งที่ต่างไปจากหนังสือท่องเที่ยวทั่วไป
เป็นงานเขียนของหลายๆคนผ่านมุมมองที่ต่างกันกับประเทศพม่า
กะว่าอ่านจบต้องไปเหยียบพม่าให้ได้จริงๆนะ ^^


ก่อนพี่ยอดจะเซ็น เงยหน้าขึ้นมา อุ้ย เสื้อสวย ^^ 55





การพบปะนักเขียนตัวเป็นๆเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่อยู่รอพบ
เป็นบรรยากาศที่น่ารัก มีความสุขดีนะคะ
นักเขียนทุกท่านไม่ว่าจะเหนื่อยกับงานประจำมา
หรือต้องไปทำหน้าที่ใดๆต่อ
เวลามาที่งาน ก็จะตั้งใจมาอย่างดี
เพื่อมาเขียนชื่อลงบนหนังสือเล่มของเรา
แฟนคลับ แฟนหนังสือ ก็ตั้งใจมารอ
เพื่อให้ได้ชื่อของนักเขียนที่เราชื่นชอบ
ประทับลงหนังสือที่เราตั้งใจซื้อด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหน ต่างก็ได้รับความสุขไปทั้งนั้นเลยนะ
ทั้งเป็นผู้ให้ และผู้รับ

อย่างนี้แหละมั้งคะที่เรียกว่าการเดินทางผ่านตัวอักษร

เรารู้จักกัน และส่งความสุขซึ่งกันและกัน ด้วย "ตัวอักษร" ^_^






26 มีนาคม 2558

แบ่งเบา

บางทีเวลาที่เรารู้สึกเครียดหรือเป็นกังวลกับอะไรสักอย่าง
การผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง
ก็เป็นทางออกที่ดีอยู่แล้ว
แต่ถ้าเราได้มีโอกาสเจอหน้าและพูดคุย
กับใครบางคนที่เรารัก
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เพื่อน หรือคนรัก
ก็อาจเป็นทางออกที่ดี ที่อาจทำให้เราสบายใจขึ้น

คนคนนั้น อาจไม่สามารถแบ่งเบา หรือแก้ไขให้ความกังวลหมดไปได้
แต่ในช่วงเวลาหนึ่งที่เราได้พบหน้ากัน และพูดคุย
เขาคนนั้นอาจจะทำให้ความเครียด ความกังวลของเรา
ถูกหยุดพักไว้ก่อนในช่วงเวลาหนึ่ง
อย่างน้อย คนตรงหน้าก็มาเป็นพลังใจให้เราได้
ทำให้เราสามารถต่อสู้ความลำบากในใจ
และสามารถแก้ไขปัญหาของเราตรงหน้าได้ด้วยเช่นกัน

ลองนึกดูมั้ยคะว่า
เวลาที่คุณเหนื่อย หรือเครียด เพลียกับอะไรบางอย่าง
ยังมีใคร ที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ยืนอยู่ข้างๆกันบ้าง ^^

20 กุมภาพันธ์ 2558

กำลังใจ



เวลาอยากให้กำลังใจใคร 

รู้สึกมั้ย ส่วนใหญ่จะใช้คำว่า "สู้สู้นะ" 

บางทีก็อาจจะนึกงง ว่าจะให้ไปสู้กับอะไร 

สู้กับงานที่ทำ? สู้กับภาระหน้าที่ที่มี? หรือสู้กับอะไรรอบๆตัว?

บางทีคนพูด ก็คงไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว เธอกำลังทำอะไรอยู่บ้าง

แต่ที่แน่ๆ คำพูดสั้นๆเพียงไม่กี่คำ มันแทนพลังใจที่คนรอบข้างมีให้

ส่งผ่านว่าอย่างน้อย ในวันที่เหนื่อยหรืออ่อนแรงกับอะไรก็ตาม


ยังมี "กำลังใจ" จากคนข้างๆ 


จากเพื่อน จากครอบครัว คอยเติมพลังให้อยู่เสมอ


‪#‎ห้วงอักษรตอนรู้สึก‬

26 ธันวาคม 2557

ที่ที่เรียกว่าบ้าน

ได้อ่านประโยคนึงในโซเชียล สักแห่ง เขียนประมาณว่า...

อิจฉาคนต่างจังหวัดจัง เวลาเทศกาลก็ได้กลับบ้าน
คำว่าบ้าน ของเขาคงมีความหมายกับพวกเขามาก

พออ่านจบ ก็ให้ความรู้สึกของคนบ้านอยู่กรุงเทพใช่ไหมคะ
เวลาเห็นคนต่างจังหวัด เดินทางกลับภูมิลำเนา

ในความหมายคำว่าบ้านของหลายๆคน
ย่อมมีความหมายแตกต่างกันออกไป
แต่ที่คล้ายๆกัน น่าจะเป็น
ที่ที่อยู่ แล้วสบายใจ  มีความสุข เวลาได้ "กลับบ้าน"
เพราะ "บ้าน" คือพื้นที่ของเรา พื้นที่ของครอบครัว
ที่จะได้ใช้เวลา พบปะ พูดคุยกัน ^______^

ส่วนตัวคนเขียนเอง เรียกตัวเองว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด
คำว่าบ้าน คือ บ้านที่เกิด มีพ่อกับแม่รออยู่
ซึ่งแน่นอน ทุกๆครั้งที่ลูกกลับบ้าน
มันมีความหมายสำหรับคนที่อยู่บ้านเสมอ
พ่อแม่เองไม่ได้เรียกให้กลับบ้านทุกเทศกาลแต่อย่างใด
แต่ทุกครั้งที่ลูกบอกว่าจะกลับบ้านวันไหน เค้าจะตั้งตารอ ^^

คนต่างจังหวัดก็แอบอิจฉาคนกรุงเทพนะคะ
มี"บ้าน"ให้กลับทุกวัน  เจอพ่อกับแม่ เจอครอบครัวทุกวัน
แต่จังหวะชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ทำให้คนเราต้องย้ายที่อยู่กันอย่างในทุกวันนี้
เรียนหนังสือบ้าง  ทำงานบ้าง

แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน
คำว่า "บ้าน" เราว่าก็มีความหมาย มีค่าเสมอนะสำหรับมนุษย์
เป็นพื้นที่ของเรา ที่จะเริ่มต้นและเอาไว้เติมพลังชีวิต

ปีใหม่นี้  เดินทางปลอดภัย ให้ถึง "บ้าน" นะคะ ^^